หนี้แก้ไขได้

หนี้สินอาจทำให้คุณรู้สึกหมดหนทาง หนักใจ และไม่มีทางออก หากคุณกำลังเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ เรื่องที่นำเสนอตรงนี้ อาจช่วยให้คุณมองเห็นแนวทางการแก้ปัญหาได้

หนี้คืออะไรในชีวิตคุณ?
คุณอาจไม่บอกใครว่าหนี้ของคุณมีเท่าไหร่ หรือเป็นหนี้ใคร เพราะสิ่งเหล่านี้คุณรู้อยู่แล้ว และบางทีอาจรู้สึกว่ามันหนักจนเกินจะรับไหว คนรอบตัวอาจพูดง่าย ๆ ว่า “ก็แค่หารายได้เพิ่มสิ” แต่ในความจริง การทำเช่นนั้นไม่ได้ง่ายเลย

แต่การบอกกล่าวคนในครอบครัวว่า เป็นหนี้ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร และคุณต้องพร้อมที่จะฟังคำพูดที่ถูกใจหรือทิ่มแทงใจ เมื่อคุณบอกเรื่องหนี้สินกับคนอื่น คนเราไม่ควรอายที่เป็นหนี้ และกล้าที่จะบอกความจริงว่า เราเป็นหนี้ การบอกความจริงจะลดแรงกดดันลงได้มาก คุณไม่ต้องสร้างฟอร์มหรือรักษามาดอะไรในเรื่องนี้

คุณอาจเจอกับการทวงหนี้สารพัดรูปแบบ ทั้งการโทรตาม การข่มขู่ หรือคำพูดที่ทำให้คุณรู้สึกเสียใจ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดจากเจ้าหนี้ คนใกล้ตัว หรือแม้แต่คำตอกย้ำจากตัวคุณเอง

เมื่อหนี้เปลี่ยนชีวิต
หนี้สินไม่ได้แค่ทำให้คุณเครียด แต่ยังอาจเปลี่ยนวิธีคิดและพฤติกรรมของคุณ เช่น การพูดโกหกเพื่อเอาตัวรอด การสร้างเรื่องเพื่อยืมเงิน หรือการพยายามดิ้นรนทุกวิถีทาง แม้กระทั่งพึ่งพาการพนันหรือสิ่งผิดกฎหมาย

ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน แต่หากรายได้ยังไม่เพียงพอ สุดท้ายคุณอาจรู้สึกเหนื่อยล้า สิ้นหวัง หมดหนทาง ไร้ทางออก และหมดพลัง สิ่งแรกที่คุณควรทำในเวลานี้ คือการ “พักกายพักใจของคุณ”

เริ่มต้นจากการพักใจ
เพราะเผชิญปัญหาหนี้ที่สะสมมานาน สมองของคุณอาจจะล้า และความคิดสับสนจนไม่สามารถตัดสินใจได้ แนะนำให้ทำตามวิธีนี้เพื่อฟื้นพลังจิตและสร้างความแจ่มใสให้กับจิตของคุณ

ขั้นตอนที่ 1: นั่งสมาธิ

  1. อาบน้ำให้เรียบร้อย สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย เลือกที่นั่งสงบในห้อง ปิดเครื่องมือสื่อสาร
  2. นั่งตัวตรง หลับตา ปล่อยให้ร่างกายนิ่ง ผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ไม่เกร็ง ไม่แข็งขืน
  3. โฟกัสที่ลมหายใจของคุณ รับรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังหายใจเข้า และหายใจออกอย่างช้า ๆ อย่าบังคับลมหายใจ ปล่อยให้เป็นจังหวะตามธรรมชาติ

ขณะนั้น ใจของคุณอาจคิดฟุ้งซ่าน อย่าปล่อยให้มันล่องลอยออกห่างจากลมหายใจเข้าออกของคุณ ใจไปคิดนึกไปสู่อดีตหรืออนาคต ให้ดึงความสนใจกลับมาที่ลมหายใจ ทำเช่นนี้ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

ขั้นตอนที่ 2: เดินจงกรม

  1. ลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินในพื้นที่เล็ก ๆ ภายในห้องของคุณ เดินกลับไปกลับมา ไม่เร่งรีบ ไม่ช้าเกินไป เดินปกติธรรมดา
  2. โฟกัสที่การเคลื่อนไหวของร่างกาย ก้าวเท้าขวา ก้าวเท้าซ้าย ให้รู้ให้ชัด อย่าให้ใจวอกแวกไปนอกกาย
  3. เดินต่อเนื่องประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

ขั้นตอนที่ 3: สวดมนต์ก่อนนอน

  1. กราบที่หมอน ตั้งใจสวดมนต์บทง่าย ๆ เช่น
  • นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
  • พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
  • ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
  • สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
  1. หลังจากสวดมนต์แล้ว ให้นอนพักผ่อนทันที

ขั้นตอนที่ 4: วางแผนในวันใหม่
เมื่อตื่นเช้า ให้เขียนเป้าหมายในสมุดว่า คุณจะทำอะไรในวันนี้ พูดกับตัวเองว่า “ฉันจะตั้งใจทำให้ดี และฉันจะต้องทำให้ได้”

ขั้นตอนที่ 5: ตักบาตรตอนเช้าๆ
คุณน่าจะพอมีเงิน 40-100 บาท เลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ตักบาตรพระ นึกถึงผู้มีพระคุณ เพื่อน และมนุษย์ร่วมโลก แผ่ความดีที่คุณทำให้เขาเหล่านั้น คุณอาจจะอยู่ห่างวัด ห่างพระ แต่ทุกเช้า คุณต้องคิดเสมอว่า จะต้องหาทางไปพบพระและตักบาตรพระ แต่หากวันใดไม่ได้ตักบาตร ก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อย 1 อาทิตย์ควรได้ทำสัก 1 คร้้ง

สร้างพลังใจ
ทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องทุกวันอย่างน้อย 4 เดือน คุณจะพบว่าจิตของคุณจะแจ่มใสขึ้น มีสมาธิดี และสามารถคิดหาทางออกได้อย่างดี และมีพลังในการลุยทำงาน ทำอาชีพได้อย่างดีเยี่ยม

หนี้ไม่ใช่จุดจบของชีวิต
หนี้คือบทเรียนหนึ่งของชีวิตที่ช่วยให้คุณเติบโตขึ้น จงเริ่มจากการดูแลใจตัวเอง เมื่อใจสงบ คุณจะมองเห็นหนทางในการก้าวผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้

จำไว้ว่า คุณแค่เป็นหนี้ คุณไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าคนตาย ดังนั้น คุณไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย เพียงแต่คุณหาเงินมาจ่ายคืนเขาช้า (บ้าง) เท่านั้น และทุกวันนี้คุณก็กำลังหาทางทำงานสร้างเงินเอามาใช้หนี้อยู่

อย่าลืมว่า คุณแค่เป็นหนี้ ไม่ต้องอายใครที่เป็นหนี้ ไม่ต้องอาย หากจะมีคนอื่นมารู้ว่า คุณเป็นหนี้ เพราะคุณกำลังหาทางแก้ปัญหาหนี้อยู่

ต้องเตือนตัวเองว่า เราแค่เป็นหนี้ เราจะไม่ทำร้ายตัวเองเพราะหนี้ เราจะไม่ทำร้ายตัวเองเพื่อหนีหนี้ เราจะไม่ทำร้ายตัวเอง เพราะอายที่เป็นหนี้ เราจะไม่ทำร้ายตัวเองเพราะอายที่มีคนมารู้ว่า เราเป็นหนี้

สายด่วนชาวพุทธ
ต้องการปรึกษาปัญหาเพิ่มเติม เชิญที่
www.buddhisthotline.com

เรื่องนี้ก็น่าดู